“Ripley'sBelieve it or Not! พิพิธภัณฑ์ ริบลีส์ "เชื่อหรือไม่ ! " พัทยา Ripley's Believe It Or Not ! Museum ความจริงที่ต้องพิสูจน์ด้วยตาคุณเอง พิพิฑภัณฑ์ ริยลีส์ เชื่อหรือไม่!หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ที่มีชื่อเสียงของโลกต้นกำเนิดจากประเทศสหรัฐอเมริกา  ”

ที่ตั้ง Ripley's Believe it or Not! ชั้น 3 ของศูนย์การค้ารอยัลการ์เด้นพลาซ่า บริเวณพัทยาใต้ จัดแสดงสิ่งแปลกประหลาดมหัศจรรย์จากทั่วโลกกว่า 300 ชิ้นที่นายโรเบิร์ต ริบลีย์ ชาวอเมริกันสะสมมาตั้งแต่ปี ค.ศ. 1918 เช่น หัวมนุษย์ย่อส่วน ม้าสามขา มนุษย์สี่ตา ฯลฯ

นอกจากพิพิธภัณฑ์แล้ว ริบลีย์ยังมีโรงภาพยนตร์ทะลุมิติหรือ Motion Master ใช้ที่นั่งพิเศษที่เคลื่อนไหวได้แปดทิศทาง ระบบเสียงรอบทิศทาง และฉายภาพยนตร์บนจอยักษ์ 70 มม. ทำให้ผู้ชมเหมือนเข้าไปร่วมอยู่ในเหตุการณ์บนภาพยนตร์จริง ๆ ค่าเข้าชม 150 บาท

ประวัติ Mr.Robert Ripley ชีวิตของโรเบิร์ต ริบลีส์ นั้นเป็นชีวิตที่โลดโผนอย่างเหลือเชื่อ กว่าสี่สิบปีที่เขาสืบเสาะค้นหาเรื่องลึกลับและประจักษ์เรื่องปาฏิหาริย์นานามาแล้วกับตา เขาเป็นนักท่องโลกที่ไปยังสถานที่ต่างๆที่น้อยคนนักจะรู้จัก เขาไปมาแล้วตั้งแต่วิหารแห่งสวรรค์ (Temple of Heaven) ในประเทศจีนเรื่อยไปถึงเมืองหนึ่งในประเทศนอร์เวย์ที่ชื่อแปลว่านรก! (เมือง Hell) ริบลีส์เป็นทั้งศิลปิน นักข่าว นักผจญภัยและนักสะสมเรื่องราวที่เขารวบรวมมานั้น ต่อมาได้ปรากฏอยู่ในการ์ตูนยอดนิยมของเขาที่ชื่อ “เชื่อหรือไม่” ในปัจจุบัน คนนับล้านทั่วโลกยังคงเพลิดเพลินกับการ์ตูนเหล่านี้อยู่ ไม่ว่าจะไปยังที่ใด เขาเฝ้าค้นหาสิ่งแปลกๆและไม่ธรรมดา ด้วยความตั้งหวังของเขา ริบลีส์จึงรวบรวมข้อมูลเกี่ยวกับประเพณีและความเชื่อของทั้งอารยธรรมโบราณและอารยธรรมสมัยใหม่เอาไว้

ชีวประวัติ เรื่องราวริบลีส์เริ่มต้นขึ้นในวันคริสต์มาสปี ค.ศ. 1893 เมื่อเด็กชายโรเบิร์ต ลีรอย ริบลีส์ ถือกำเนิดขึ้นที่เมืองซานตา โรซ่า รัฐแคลิฟอร์เนีย ด้วยความที่เป็นศิลปินเปี่ยมพรสวรรค์ผู้เรียนรู้ด้วยตัวเอง ริบลีส์สามารถขายภาพวาดของเขาให้กับนิตยสารไลฟ์เมื่อเขามีอายุเพียง 14 ปี! ริบลีส์นั้นยังถือได้ว่าเป็นนักกีฬาโดยกำเนิด เขาปรารถนาที่จะเป็นนักเบสบอลอาชีพแต่ ความฝันที่จะขว้างลูกในบิ๊กลีคเป็นอันต้องสลายไป เพราะแขนของเขาได้รับอุบัติเหตุจนหักขณะแข่งในนัดมืออาชีพเป็นครั้งแรก

หลังจากอุบัติเหตุครั้งนั้นแล้ว ริบลีส์ก็วกกลับมายังจุดมุ่งหมายเริ่มแรกที่จะเป็นศิลปินมือโปรให้ได้ เขากรุยทางหน้าที่การงานด้วยการเป็นนักวาดการ์ตูนกีฬาให้กับหนังสือพิมพ์ ซาน ฟราน ซิสโก โครนิเคิล

แต่หลังจากนั้นไม่นาน เขาก็ออกจากแคลิฟอร์เนีย มุ่งหน้าสู่มหานิวยอร์ก ในปี ค.ศ. 1918 ขณะที่ทำงานเป็นนัก วาดการ์ตูนกีฬาให้กับหนังสือพิมพ์นิวยอร์ก โกลบ ริบลีส์สร้างงานรวบรวมชิ้นแรกของเขาซึ่งเกี่ยวกับเรื่องราวความจริงและความสามารถแปลกๆ ขึ้นเล่มหนึ่ง การ์ตูนนี้อิงถึงความสามารถแปลกๆ ทางด้านกีฬาใช้ชื่อว่า “คนเก่งกับคนไม่เอาไหน” (Champs and Chumps) กระนั้นบรรณาธิการของเขาก็ยังต้องการชื่อเรื่องที่บอกชัดถึงธรรมชาติอันเหลือเชื่อของศิลปะฝีมือทางกีฬาอยู่นั่นเอง

ตลอดชั่วชีวิตโรเบิร์ต ริบลีส์ หลงใหลอยู่กับการเดินทาง ตลอดอาชีพอยู่เขาเหยียบมาแล้วถึง 198 ประเทศเป็นระยะทางเท่ากับการเดินทางรอบโลกถึง 18 รอบ ในปี ค.ศ. 1920 ริบลีส์ก็เริ่มต้นการเดินทาง อันยากลำบากข้ามทวีปยุโรป, สองปีต่อมาเขาท่องอเมริกากลางและอเมริกาใต้แล้วบันทึกทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาได้พบเห็นลงในคอลัมน์ประจำให้กับหนังสือต่างๆ ชื่อคอลัมน์ท่องทั่วอเมริกาใต้ (Rambles Around South America) เขาเยือนโลกตะวันออกในปี ค.ศ. 1925 โดยเดินทางผ่านญี่ปุ่น มาเลเซีย และฟิลิปปินส์ เมื่อครั้งอยู่ในประเทศจีน ริบลีส์รู้สึกราวกับว่าอยู่ที่บ้านตัวเอง เขาพบว่าประเพณีจีนนั้นชวนหลงไหล เขาจึงซึมซับเอาประเพณีจีนเหล่านั้นไว้ เมื่อเขาต้องรับรองแขก เขามักจะต้อนรับแขกของเขาในชุดพื้นเมืองตะวันออกเสมอ

ริบลีส์นั้นยังมักจัดงานเลี้ยงอันพิถีพิถัน ซึ่งเขาจะอธิบายถึงรายละเอียดของอาหารทุกๆจานในแต่ละชุดโดยละเอียดมิหนำซ้ำมีอยู่ช่วงหนึ่งเขาถึงกับเซ็นชื่อ ในภาพการ์ตูนของเขาให้ดูคล้ายภาษาจีนว่า “ริบ หลี” (Rip Li) อีกด้วย!

ริบลีส์ได้รับสมญานามว่าเป็น “มาร์โคโปโลยุคใหม่” การเดินทางของเขานั้นนำพาเขาไปยังอาฟริกาเหนือ โมร็อคโค นิวซีแลนด์ ทิเบต นิวกินี และรัสเซีย ในการเดินทางครั้งหนึ่งเขาสามารถไปได้ถึงสองทวีป ซึ่งเป็นระยะทางทั้งหมดมากกว่า 24,000 ไมล์ จากนิวยอร์กถึงไคโรแล้วย้อนกลับมา ทั้งนี้เพื่อเสาะหาสิ่งเหลือเชื่อนานาการ เดินทางทั้งหมดรวมจาก 15,000 ไมล์ทางอากาศ 8,000 ไมล์ทางเรือ และกว่า 1,000 ไมล์ทางอูฐ ลา และม้า

ในปี ค.ศ. 1929 สำนักพิมพ์ไซม่อนและชูสเตอร์รวมเล่มการ์ตูนในยุดแรกๆ ของริบลีส์ที่เป็นเรื่องแปลกประหลาดต่างๆ ที่เขาพบเจอระหว่างการเดินทางของเขา และหนังสือ “เชื่อหรือไม่! โดยริบลีส์” (Believe It or Not! by Ripley) นี้ก็ขายได้มากกว่าห้าแสนเล่มและติดอันดับหนังสือขายดีนานหลายเดือนอีกด้วย ในปัจจุบัน ถ้าหากนำหนังสือเชื่อหรือไม่! ที่เคยตีพิมพ์มาแล้วทั้งหมดวางซ้อนกันแล้วล่ะก็จำนวนหนังสือที่ขายได้ทั้งหมดคงสูงกว่าตึกเอมไพร์สเตทกว่าร้อยเท่าเป็นแน่! ในปี ค.ศ. 1929 หลังจากที่เซ็นสัญญาเป็นนักเขียนการ์ตูนอิสระให้กับหนังสือคิง ฟีเซอร์สในเครือหนังสือพิมพ์ของเฮิร์ส (เจ้าของหนังสือพิมพ์ยักษ์ใหญ่ฉบับหนึ่งในอเมริกา) เงินเดือนของริบลีส์ก็พุ่งขึ้นจาก 10,000 ดอลล่าร์เป็น 100,000 ดอลล่าร์ต่อปี ตำนานได้กำเนิดขึ้นแล้ว! ในด้านความนิยมอย่างสูงนั้น “เชื่อหรือไม่!” ปรากฏอยู่ในหนังสือพิมพ์กว่า 300 ฉบับทั่วโลก ได้รับการแปลเป็นภาษาต่างๆถึง 17 ภาษาและมีผู้อ่านมากถึง 80 ล้านคน!

พิพิธภัณฑ์สิ่งพิสดาร: สิ่งชวนรู้และสิ่งมหัศจรรย์ ในปี ค.ศ. 1933 ประชาชนเกือบ 2 ล้านคนต่างพากันไปเยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์สิ่งพิสดาร ที่งานเวิลด์แฟร์ เมืองชิคาโก ในพิพิธภัณฑ์มีโปสเตอร์เรื่องราวเชื่อหรือไม่ ของริบลีส์! การ์ตูน สิ่งประดิษฐ์ที่ได้มาจากการเดินทางของเขาและมีนักแสดงโชว์ประหลาดๆ พิพิธภัณฑ์พิสดาร หรือ “Odditorium” แห่งแรกที่ว่าประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นจึงมีไปงานออกร้านและงานเอ็กซ์โปต่างๆ เช่นที่คลีฟแลนด์ ซานดิเอโก ดัลลัส ซานฟรานซิสโกและนิวยอร์ก ของที่เอาไปแสดงไว้ก็มีศีรษะย่อส่วนจากลุ่มน้ำอะเมซอนตอนบน เข็มขัดพรหมจารีย์ในยุคกลาง เครื่องมือทรมาน และแม้แต่ภาพ “อาหารมื้อสุดท้าย” (The Last Supper) ที่วาดบนเหรียญ 10 เซ็นต์! หนึ่งในสิ่งแปลกประหลาดที่หายากที่สุดในชุดของสะสมสิ่งเหลือเชือของริบลีส์นั้น มีศีรษะย่อส่วนจากเอกวาดอร์ อเมริกาใต้รวมอยู่ด้วย และเชื่อหรือไม่! ครั้งหนึ่งริบลีส์ได้รับศีรษะย่อส่วนนี้พร้อมกับโน้ตที่เขียนว่า “กรุณารักษามันไว้ให้ดี ฉันคิดว่านี่คงเป็นญาติคนหนึ่งของฉัน!”

พิธีการย่อส่วนนี้ ครั้งหนึ่งเคยเป็นเรื่องพื้นๆ ในหมู่อินเดียนแดงเผ่าจิวาโรในเอกวาดอร์ พิธีนี้เป็นพิธีที่ทำสืบทอดกันมาเป็นชั่วอายุคนศีรษะของนักรบที่ถูกสังหารนั้น ถือว่าเป็นอนุสรณ์หรือสัญลักษณ์แห่งความกล้าหาญ เมื่อนักสู้ปลิดชีพศัตรูของเขา หัวของเหยื่อจะถูกตัดออก หนังศีรษะถูกถลกออกจากกะโหลก จากนั้นหินและทรายร้อนๆก็ถูกเทใส่ลงไปในรูกะโหลกนั้น จากนั้นก็นำหนังศีรษะมาเย็บติดเหมือนเดิม และนำไปต้มกับสมุนไพรจนกว่าศีรษะจะหดเล็กลงเท่ากำปั้น ในพิธีนี้จะมีทั้งการร้องรำทำเพลงและการเลี้ยงอาหาร!ปัจจุบันมีศีรษะย่อส่วนอยู่ มากมายในชุดของสะสมของริบลีส์ที่มีอยู่ทั้งหมด 8,000 ชิ้น ในจำนวนนี้มีลำตัวคนย่อส่วนอยู่ถึงสองชิ้นด้วยกัน และชิ้นหนึ่งนั้นเคยเป็นสมบัติในครอบครองของนักเขียนชาวอเมริกัน เออร์ เนสต์ เฮมมิ่งเวย์! ปัจจุบัน เราจะหาดูสมบัติส่วนตัวของริบลีส์ได้ที่พิพิธภัณฑ์ เชื่อหรือไม่! ที่ตั้งอยู่ทั่วโลก แต่ละพิพิธภัณฑ์จะมีชุดของสะสมและการนำเสนอที่แตกต่างกันออกไปแต่ล้วนเน้นความสมดุลย์ระหว่างสิ่งมหัศจรรย์ สิ่งชวนตะลึง และสิ่งสวยๆงามๆ ในพิพิธภัณฑ์ มีทั้งผลงานศิลปะมีมาจากวัสดุทั่วๆไป หรือสิ่งของอันเหลือเชื่อและงานอดิเรกอันพิลึกพิลั่นนานา ทั้งยังมีนิทรรศการจากโลกวิทยาศาสตร์หลากหลายแง่มุมและการแสดงถึงพิธีกรรมอันประณีตบรรจงทางศาสนาและวัฒนธรรมแปลกถิ่น ที่บรรยายถึงกรรมวิถีเอาไว้อย่างครบถ้วน นอกจากนั้นยังมี ภาพกล เทดโนโลยี ทางศิลปะ วิดีโอและเทคนิคพิเศษในการถ่ายทำภาพยนตร์ ชุดของสะสมแปลกหายากของริบลีส์ถูกจัดแสดงไว้ในสภาพแวดล้อมพื้นเมืองต่างๆกัน ตั้งแต่ป่าเขียวขจีถึงป่าช้าชวนสยองและ แม้แต่ฉากภัยพิบัติทางธรรมชาติก็ยังมี บุคคลพิศวง ในหนังสือ เชื่อหรือไม่!เล่มแรกๆ ริบลีส์ได้เขียนไว้ว่า เขาได้พบเห็นสิ่งต่างๆมากมายแต่ “สิ่งที่แปลกที่สุดสำหรับเขาคือ มนุษย์”

พิพิธภัณฑ์ เชื่อหรือไม่! ของริบลีส์แต่ละแห่งจะไม่สมบูรณ์ได้เลยหากขาด “คนดังในอดีต” อันเป็นเรื่องราวเหลือเชื่อต่างๆ ของมนุษย์ซึ่งริบลีส์เก็บรวบรวมมาจากการเดินทางรอบโลกของเขา หลังจากหลายทศวรรษผ่านไป ทุกวันนี้หน้าตารูปร่างของบุคคลแปลกๆเหล่านี้ถูกจำลองขึ้นในคราบหุ่นขี้ผึ้งอันมีชีวิตชีวาและเหมือนจริงมาก หลิว ชุง ชายชาวจีนผู้มีลูกตาดำ 2 ลูกในดวงตาแต่ละข้าง! มนุษย์หัวประภาคาร ชายชาวจีนผู้เตร็ดเตร่ไปตามถนนหนทางในเมืองชุงกิง ประเทศจีน โดยมรเทียนขาว 7 นิ้วปักอยู่เหนือหัวเทียนจะถูกสอดเข้าไปในช่องที่กะโหลกศีรษะและยึดติดอยู่กับที่ด้วยขี้ผึ้ง! โรเบิร์ต แวดโลว์ ได้ชื่อว่าเป็นชายที่สูงที่สุดในโลกตลอดกาล เพราะมีความสูงถึง 267 เซนติเมตร ในปี ค.ศ. 1940 ขณะที่เขามีอายุได้ 22 ปี แวดโลว์สวมรองเท้าเบอร์ 37AA และหนักถึง 175 กิโลกรัม ความผิกปกติของสัตว์ต่างๆก็สร้างความประหลาดใจให้กับริบลีส์ไม่น้อยไปกว่ามนุษย์เลยสัตว์เหล่านั้น ได้แก่ ม้า 3 ขา ลูกวัวและลูกแมว 2 หัวและ โบเธอการ์ วัวอายุ 16 ปีที่เกิดมามีก็มีขาถึง 6 ขา ในปัจจุบันสัตว์ทั้งหมดนี้ถูกจำลองเป็นหุ่นขี้ผึ้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์ของริบลีส์ ริบลีส์สะสมสิ่งของหลากหลายรูปแบบตั้งแต่ของคลาสสิคไปจนถึงของแปลกหายาก ซึ่งก็รวมไปถึงประติมากรรมไม้แกะสลัก 2 ด้านที่ละเอียดงดงามมากจากทศวรรษที่ 19 นี้ด้วย รูปสลักนี้มีชื่อว่า “ปีศาจกับหญิงพรหมจรรย์” (The Devil and The Damsel) ซึ่งแกะสลักจากลำต้นผลไม้ โดยด้านหนึ่งแกะเป็นรูป มาร์กาเร็ต หญิงสาวผู้เป็นตัวแทนของความดีและความบริสุทธิ์ ส่วนอีกด้านหนึ่งแกะเป็นรูปปีศาจอันน่าสะพรึงกลัวแต่เชื่อหรือไม่! แม้จะมองจากด้านข้างก็ยังดูไม่ออกเลยว่ารูปแกะสลักนี้มี 2 รูปในชิ้นเดียว ยังมีตัวอย่างงานแกะสลักไม้และงานศิลปะที่ทำจากวัสดุเหลือใช้อีก เช่น สายโซ่ทั้งเส้นที่แกะสลักจากไม้ชิ้นเดียว และภาพต่อที่สลับซับซ้อนคล้ายๆกับของเล่นล้าสมัยที่เรียกว่ารูบิก (Rubik) งานชิ้นแรกๆของศิลปะแนวนี้มักจะทำมาจากกล่องไม้สำหรับใส่ซิการ์ โดยพวกพนักงานขับรถไฟ เอาไว้ไปขายแลกอาหารและที่พัก ริบลีส์เป็นเจ้าของแบบจำลองจากก้านไม้ขีดไฟที่สวยที่สุดในโลกบางชิ้นด้วย เช่น ล้อใบจักรเรือกลไฟสมัยก่อน รถรางนาฬิกาลูกตุ้มตั้งพื้นและรถโรลส์รอยซ์ รุ่นซิลเวอร์โกสต์ ปีค.ศ. 1970 ย่อมาจากต้นแบบความยาว 13 ฟุต สร้างโดยชาวเมืองแมนเชสเตอร์ ประเทศอังกฤษ ชื่อว่า เร็ก พอลลาร์ด ซึ่งต้องใช้ก้านไม้ขีดไฟกว่า 1 ล้านก้าน สิ่งพิสดารสมัยใหม่ แม้ว่าริบลีส์จะเสียชีวิตไปแล้ว งานสะสมสิ่งแปลกๆของเขาก็ยังได้รับการสานต่อ ในปัจจุบันนี้มีโชว์สิ่งเหลือเชื่อมากมายโดยใช้วิทยาการสมัยใหม่ เช่น ภาพลวงตาที่สามารถเปลี่ยนหน้าตารูปร่างของคนได้ อุโมงค์ใต้ดินถ่วงดุลย์ รวมทั้งแบบและหุ่นจำลองของสิ่งประดิษฐ์เพี้ยนๆและยียวนกวนอารมณ์ขันด้วย การย่อของให้เล็กลงเข้ามามีบทบาทในชีวิต ในโลกปัจจุบันอย่างรวดเร็ว ของย่อส่วนชิ้นที่เล็กที่สุดของริบลีส์ ได้แก่ “คัมภีร์ไบเบิลฉบับบัตรเครดิต” คือ คัมภีร์ไบเบิลจำนวน 1,562 หน้า พิมพ์อยู่บนบัตรเครดิตโดยตัวหนังสือแต่ละตัวมีขนาดเพียงหนึ่งในห้าส่วนของขนาดเส้นผมมนุษย์และต้องใช้แวันขยายที่มี อำนาจในการขยายถึงร้อยเท่า จึงจะสามารถอ่านตัวหนังสือเหล่านี้ได้ ในโลกที่เล็กจนมองด้วยตาเปล่าไม่เห็นของริบลีส์ขณะนี้ มีภาพไดอะตอมซึ่งทำจากสิ่งมีชีวิตที่มีขนาดเล็กเท่าปลายเข็มที่เรียกว่า “พลอยแห่งทะเล” หลายร้อยตัวไดอะตอมเป็นสัตว์สองเซลที่พบได้ในหนองน้ำและน้ำทะเล มรดกของริบลีส์ โรเบิร์ต ริบลีส์ เสียชีวิตในปี ค.ศ. 1949 ขณะนี้มีอายุได้ 55 ปี อนุสรณ์สถานของเขาถูกสร้างขึ้นที่โบสถ์ที่ครอบครัวเขาไปเข้าทุกอาทิตย์ในเมืองซานตาโรซ่า รัฐแคลิฟอร์เนีย บ้านเกิดของเขา เชื่อหรือไม่! โบสถ์หลังนี้ทั้งหลังสร้างจากต้นเรดวู๊ดขนาดยักษ์เพียงต้นเดียว มรดกแปลกๆทั้งหลายของริบลีส์ใน เชื่อหรือไม่!ยังคงมีการตีพิมพ์ลงในหนังสือพิมพ์หลายร้อยฉบับทั่วโลก และเจตนารมณ์แห่งการผจญภัยของเขายังคงยืนยงอยู่ในพิพิธภัณฑ์อันเป็นที่เก็บรักษาสิ่งของแปลกๆสารพันรูปแบบของเขาต่อไป ทุกวันนี้เจ้าหน้าที่ของพิพิธภัณฑ์ยังคงได้รับโทรศัพท์และจดหมายจากผู้คน บอกเล่าเรื่องเหลือเชื่อต่างๆ เช่น เรื่องเกี่ยวกับคนที่ทำอะไรประหลาดๆหรือเกี่ยวกับงานศิลปะที่น่าตื่นตาตื่นใจ ผู้คนมักจะถามริบลีส์ว่า เขาค้นพบสิ่งของและเรื่องราวแปลกประหลาดที่ดูจะมีมากมายไม่มีวันหมด ได้อย่างไรและที่ไหนบ้าง เขาตอบเพียงง่ายๆว่า “พบได้ทุกหนทุกแห่งและทุกเวลา”

 

  • เปิดบริการ 10.00-23.00 น. ของทุกวัน
  • ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 150 บาท
 

พิพิธภัณฑ์เชื่อหรือไม่ของริบลีย์

แชร์

ต.นาเกลือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี 20150 แผนที่

รีวิว 5 รายการ | ครอบครัว,ศิลปะวัฒนธรรม,ท่องเที่ยว,พิพิธภัณฑ์

No hours available

n/a

https://www.thai-tour.com/thai-tour/east/chonburi/data/place/pic_libly.htm

8113

แนะนำทริป

ทริปของคุณ

ลบออก

รีวิวทั้งหมด

(รีวิว 5 รายการ)

Not identifiable

รีวิวเมื่อ 13 ก.ย. 55

ค่าเข้าชมแพงไปนะค่ะ

ถูกใจ แชร์

Not identifiable

รีวิวเมื่อ 1 ต.ค. 54

ไปมาแว้ววววววว หนุกมากค้า แถมยังน่ากลัวอีกด้วยที่คนกับแมงป่องอ่า ยี้!!!ขนลุกเลย แต่มันส์มาก

ถูกใจ แชร์

Not identifiable

รีวิวเมื่อ 2 พ.ค. 54

อยากไปมากมาย

ถูกใจ แชร์

Not identifiable

รีวิวเมื่อ 6 ก.พ. 54

อยากไปที่สุด

ถูกใจ แชร์

Not identifiable

รีวิวเมื่อ 16 พ.ย. 53

น่าปัยมากกกกกกกกกก

ถูกใจ แชร์

สถานที่ใกล้เคียง

โรงภาพยนตร์ทะลุมิติ โรงภาพยนตร์ทะลุมิติ (รีวิว 2 รายการ)

ห่าง 0.06 กิโลเมตร

พัทยาใต้ พัทยาใต้ (รีวิว 1 รายการ)

ห่าง 0.44 กิโลเมตร

พัทยากลาง พัทยากลาง (รีวิว 1 รายการ)

ห่าง 1.05 กิโลเมตร

ท่าเรือเฟอร์รี่พัทยา หัวหิน ท่าเรือเฟอร์รี่พัทยา หัวหิน (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 1.19 กิโลเมตร

แหลมบาลีฮาย แหลมบาลีฮาย (รีวิว 2 รายการ)

ห่าง 1.19 กิโลเมตร

เขาพัทยา เขาพัทยา (รีวิว 1 รายการ)

ห่าง 1.61 กิโลเมตร

วัดเขาพระบาทพัทยา วัดเขาพระบาทพัทยา (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 1.61 กิโลเมตร

วัดพระใหญ่ พัทยา วัดพระใหญ่ พัทยา (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 1.97 กิโลเมตร

หาดพัทยาเหนือ หาดพัทยาเหนือ (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 2.13 กิโลเมตร

พิพิธภัณฑ์ยางพารา พิพิธภัณฑ์ยางพารา (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 2.31 กิโลเมตร

โรงแรมใกล้เคียง

เบย์วอล์ค เรสซิเดนซ์ เบย์วอล์ค เรสซิเดนซ์ (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.11 กิโลเมตร

อายะ บูทิค พัทยา อายะ บูทิค พัทยา (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.12 กิโลเมตร

อวานี พัทยา รีสอร์ท อวานี พัทยา รีสอร์ท (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.15 กิโลเมตร

โรงแรม บาราคูด้า พัทยา โรงแรม บาราคูด้า พัทยา (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.27 กิโลเมตร

อินน์ เฮ้าส์ อินน์ เฮ้าส์ (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.28 กิโลเมตร

แอลเค ดิ เอ็มเพรส แอลเค ดิ เอ็มเพรส (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.31 กิโลเมตร

คุ้มพัทยาหม่อมไฉไล คุ้มพัทยาหม่อมไฉไล (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.32 กิโลเมตร

แอลเค เมโทรโปล แอลเค เมโทรโปล (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.32 กิโลเมตร

โรงแรม แอมเบียนซ์ โรงแรม แอมเบียนซ์ (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.33 กิโลเมตร

โรงแรม รอยัล ทวินส์ พาเลซ โรงแรม รอยัล ทวินส์ พาเลซ (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.35 กิโลเมตร

ร้านอาหารใกล้เคียง

ร้าน แอสม่า ค็อปฟี่ช็อป สาขา 2 ร้าน แอสม่า ค็อปฟี่ช็อป สาขา 2 (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 0.95 กิโลเมตร

ร้าน ห้องอาหารอลอยส์ ไวน์บาร์ ร้าน ห้องอาหารอลอยส์ ไวน์บาร์ (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 1.30 กิโลเมตร

แม่ศรีเรือน แม่ศรีเรือน (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 1.65 กิโลเมตร

ก๋วยเตี๋ยวบ้านบึง ก๋วยเตี๋ยวบ้านบึง (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 1.77 กิโลเมตร

ส้มตำชายหาด ส้มตำชายหาด (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 1.78 กิโลเมตร

แฟตโคโค่ บีช คลับ แฟตโคโค่ บีช คลับ (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 1.94 กิโลเมตร

ครัวกมล ครัวกมล (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 2.23 กิโลเมตร

เดอะ ช็อคโกแลต แฟคทอรี่ เดอะ ช็อคโกแลต แฟคทอรี่ (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 2.23 กิโลเมตร

เดอะฟอเรสบายเดอะสกาย เดอะฟอเรสบายเดอะสกาย (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 2.28 กิโลเมตร

มุมอร่อย พัทยาสายสาม มุมอร่อย พัทยาสายสาม (รีวิว 0 รายการ)

ห่าง 2.29 กิโลเมตร