“วัดสมณโกฎฐาราม พระวิหาร ตั้งอยู่ด้านหน้าของวัด เหลือเฉพาะส่วนฐาน และเสากลมก่ออิฐ ท้ายพระวิหารประดิษฐานพระพุทธรูปหินทรายปางมารวิชัย พระเศียรรัศมีเป็นเปลว ชายสังฆาฏิเป็นเขี้ยวตะขาบ นามว่า พระพิชิตมารโมฬี หรือ หลวงพ่อขาว เบื้องซ้ายและขวาประดิษฐานพระอัครสาวก พระอุโบสถ ตั้งอยู่ด้านหลังเจดีย์ประธาน เป็นอาคารก่ออิฐถือปูน มีประตูเข้าออก 4 ด้าน ตั้งอยู่บนฐานบัวลูกแก้วอกไก่ รูปทรงแอ่นโค้งในลักษณะแบบเรือสำเภา มีมุขลดด้านหัวและท้ายพระอุโบสถ”
วัดสมณโกฏฐาราม สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยอยุธยาตอนต้น และปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ในสมัยอยุธยาตอนปลายโดยเจ้าพระยาโกษา (เหล็ก) และเจ้าพระยาโกษา (ปาน) อาจเป็นในช่วงสมัยของสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ในจดหมายเหตุของแกมเฟอร์ แพทย์ชาวเยอรมันที่ทำงานในบริษัทอีสต์อินเดียของฮอลันดาเดินทางเข้ามากรุงศรีอยุธยาเมื่อ พ.ศ. 2233 ในรัชกาลสมเด็จพระเวัดสมณโกฎฐาราม ปัจจุบันเป็นวัดที่มีพระสงฆ์จำพรรษาอยู่โดยสร้างเสนาสนะอยู่ทางทิศใต้ของโบราณสถาน ไม่ปรากฏหลักฐานเอกสารเกี่ยวกับประวัติการสร้างวัดนี้ ในจดหมายเหตุแกมเฟอร์ ระบุว่าได้รับการบูรณะโดยเจ้าพระยาโกษาเหล็ก
ในสมัยสมเด็จพระนาราญณ์ฯ โดยเรียกชื่อว่า "วัดพระยาพระคลัง" และระบุว่าสมเด็จพระเพทราชาเสด็จไปพระราชทานเพลิงศพเจ้าแม่พระดุสิตซึ่งเป็นมารดาของเจ้าพระยาโกษาธิบดี (เหล็ก) และเจ้าพระยาโกษาธิบดีร (ปาน) ซึ่งเป็นพระนมของสมเด็จพระนารายณ์ฯ เมื่อปีพ.ศ. 2233 ที่วัสมณโกฏฐาราม นี้ด้วย จึงพอสันนิษฐานได้ว่าวัดนี้น่าจะเป็นวัดที่เจ้าพระยาโกษาธิบดีทั้งสองท่านปฏิสังขรณ์เพื่อให้เป็นวัดประจำตะกูล ภายในวัดที่ประกอบด้วยฐานปรางค์ขนาดใหญ่ล้อมด้วยระเบียงคดรูปสี่เหลี่ยม จากการขุดแต่งพบว่าปรางค์ดังกล่าวเป็นปรางค์ที่สร้างขึ้นในราวปลายสมัยอยุธยาตอนกลาง ซึ่งสร้างขอบทับเจดีย์ทรงระฆังกลมที่ตั้งอยู่บนลานประทักษิณที่ต่อเชื่อมกับเจดีย์ประจำมุมทั้งสี่และมีกำแพงแก้วล้อมรอบอีกชั้นหนึ่ง อันเป็นงานที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้นไว้
ถัดออกมาทางด้านทิศตะวันออกนอกระเบียงคดมีวิหารขนาดใหญ่ ซึ่งได้รับการบูรณะเพิ่มเติมอีกครั้งในสมัยอยุธยาตอนปลาย เช่นเดียวกับพระอุโบสถซึ่งอยู่ทางทิศตะวันตกของวัดในแนวเดียวกันพทราชา ได้บันทึกไว้ว่าห่างจากตัวเมืองไปทางตะวันออกมีวัดที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งเรียกว่า "วัดพระยาคลัง" แผนผังที่นายแกมเฟอร์เขียนประกอบไว้ปรากฏว่าเป็นวัดสมณโกฏฐารามและวัดกุฎีดาว และยังระบุว่าสมเด็จพระเพทราชาได้เสด็จไปที่วัดนี้เพื่อราชทานเพลิงศพเจ้าแม่ดุสิตซึ่งเป็นมารดาของเจ้าพระยาโกษา (เหล็ก) และเจ้าพระยาโกษา (ปาน) และยังเป็นพระแม่นมของสมเด็จพระนารายณ์มหาราชเมื่อ พ.ศ. 2233 นอกจากนี้ยังมี เจดีย์ระฆังขนาดใหญ่ ตั้งอยู่ระหว่างพระปรางค์และพระอุโบสถ สันนิษฐานว่าน่าจะมีมาแต่แรกเริ่มการสร้างวัดตามลักษณะของเจดีย์และลวดลายที่ประดับอยู่บนบัลลังก์ ซึ่งโบราณสถานเหล่านี้ได้สร้างทับรากฐานอาคารเดิมอันเป็นงานที่สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนต้น
สามารถเดินทางไปได้ทุกวัน
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 7 รายการ)รีวิวเมื่อ 18 เม.ย. 55
รีวิวเมื่อ 18 เม.ย. 55
รีวิวเมื่อ 18 เม.ย. 55
รีวิวเมื่อ 18 เม.ย. 55
รีวิวเมื่อ 18 เม.ย. 55
รีวิวเมื่อ 18 เม.ย. 55
รีวิวเมื่อ 18 เม.ย. 55