“ปูชนียสถานคู่เมืองขอนแก่นมาแต่โบราณ มีหลายตำนานเล่าขานกันมา”
พระธาตุขามแก่น เจดีย์ที่มีรูปทรงงดงาม สูงประมาณ 10 ม. มีฐานเป็นรูปบัวคว่ำ ผังสี่เหลี่ยมสอบขึ้นด้านบน ปลายยอดเป็นฉัตรทอง องค์เรือนธาตุซึ่งเป็นรูปดอกบัวตูม ย่อมุมไม้สิบสองด้านทิศตะวันออกติดกับองค์พระธาตุ มีสิมหรือโบสถ์เก่าซึ่งสร้างคู่กับพระธาตุมาแต่โบราณ เป็นสถาปัตยกรรมแบบล้านช้างรูปทรงสวยงาม ลายฉลุไม้ที่หน้าบัน ช่อฟ้า ใบระกา หางหงส์ และลายรวงผึ้งที่บริเวณซุ้มด้านหน้า ฝีมือประณีตงดงาม ฝาผนังบริเวณ ประตูสิมมีภาพวาดฝีมือชาวบ้านรูปตำรวจถือปืนยาวเป็นทวารบาล
ตำนานพระธาตุแก่นขาม หลังจากที่พระพุทธเจ้าเสด็จปรินิพพาน เจ้าเมืองทั้งหลายร่วมใจกันสร้างพระธตุพนม(จ.นครพนม) เพื่อบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กษัติย์โมริยะแห่งนครโมรีย์ (ปุจจุบันอยู่ในเขตประเทศกัมพูชา) พร้อมทั้งพระอรหันต์เก้วองค์ ได้อัญเชิญพระอังคารของพระุทธเจ้าออกเดินทางไปเพื่อร่วมบรรจุลงในพระธาตุพนม
ขณะเดินทางมาถึงบริเวณที่ต่อมาเป็นที่ตั้งพระธาตุขามแกานซึ้งเป็นที่ดอนมีน้ำไหลผ่านโดยรอบและต้นมัขามยืนต้นจนตายแหลือแต่แก่นต้นหนึ่ง ได้หยุดค้างแรมและอัญเชิญพระอังคารไว้บนแก่นไม้มะขามนั้น รุ่งเช่าเมื่อ้เินทางต่อไปจนถึง จ. นครพนมก็พบว่า พระธาตุพนมสร้างเสร็จแล้ว ไม่สามารถบรรจุพระอังคารลงได้ จึงเดินทางกลับตามเส้นทางเดิม พบต้นมะขามที่เดิมยืนต้นตายนั้นกลับแตกกิ่งแตกใบสะพรั่งเป็นที่น่าอัศจรรย์ เห็นเป็นศุภนิมิตร จึงร่วมกันสร้างพระธาตุครอบต้นมะขามนั้น โดยบรรจุพระอังคารพระพุทธเจ้าไว้พร้อมด้วยแก้วแหวนเงินทองจำนวนมาก เป็นที่มาของพระธาตุขามแก่นและเมืองขามแก่นโบราณ ซึางก็คือเมืองขอนแก่่นนั่นเอง
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 7 รายการ)รีวิวเมื่อ 8 ก.ย. 53
----------------------
ขอบคุณข้อมูลบางส่วนจาก วิกิพีเดีย
รีวิวเมื่อ 8 ก.ย. 53
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 53
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 53
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 53
แต่เดิม ณ ที่นี้เป็นที่รกร้างว่างเปล่า ต่อมาเมื่อเริ่มมีชาวบ้านเข้ามาหักล้างถางพง จับจองที่ดินทำกินและที่อยู่อาศัยนั้น ชาวบ้านพบว่ามีตอมะขามที่ตายแล้วเหลือแต่แก่นอยู่ต้นหนึ่ง แต่ต่อมาปรากฏว่าแก่นมะขามนั้นกลับมีการแตกใบ ผลิดอก ดูแปลกประหลาด และพบว่าหากมีใครที่ไปทำการอะไรที่เป็นการดูหมิ่นหรือลบหลู่ตอมะขามนั้น คนผู้นั้นก็จะมีอันเป็นไป ชาวบ้านจึงเกิดความเคารพบูชา และร่วมกันสร้างเจดีย์ครอบตอมะขามนั้นไว้ พร้อมกับบรรจุพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า 9 ประการ ไว้ในนั้นด้วย จึงเรียกเจดีย์ที่สร้างนั้นว่า พระเจ้าเก้าพระองค์ หรือ เจดีย์บ้านขาม ต่อมาจึงเป็นพระธาตุขามแก่น
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 53
มีเรื่องราวคล้ายตำนานที่หนึ่ง แต่กล่าวว่าพระอรหันต์ที่อัญเชิญพระอังคารธาตุนั้น มีเพียง 2 องค์เท่านั้น
รีวิวเมื่อ 24 ส.ค. 53
ตำนานที่หนี่ง
นับแต่การเสด็จดับขันธ์ปรินิพพานขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 เมื่อถวายพระเพลิงเสร็จ แล้ว พระบรมสารีริกธาตุได้ถูกนำไปประดิษฐานไว้ในที่ต่าง ๆ คือ พระสารีริกธาตุกระโยงหัว (กระโหลกศีรษะ) ฆะฏิการพรหมนำไปไว้บนเทวโลก, พระธาตุเขี้ยวหมากแง (พระเขี้ยวแก้ว) พระอินทร์นำไปไว้บนสวรรค์ชั้นดาวดึงษ์,พระธาตุกระดูกด้ามมีด (พระรากขวัญ ) พระยานาคนำไปไว้เมืองบาดาล
ครั้งต่อมาโมริยกษัตริย์เจ้านครโมรีย์ (อยู่ในประเทศกัมพูชาปัจจุบัน) ทราบข่าวภายหลังเพราะอยู่ห่างไกลและเดินทางช้า จึงได้แต่พระอังคารธาตุ (ฝุ่น) แล้วนำไปไว้ที่นครของตน ประมาณพุทธศักราชล่วงมาได้ 3 ปี พระมหากัสสปะเถระเจ้า พร้อมด้วยพระอรหันต์ 500 องค์ นำเอาพระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอก) ไปประดิษฐานไว้ภูกำพร้า (พระธาตุพนมในปัจจุบัน) พระยาหลังเขียว โมริยกษัตริย์ และพระอรหันต์ยอดแก้ว, พระอรหันต์รังษี, พระอรหันต์คันที และไม่ปรากฏชื่ออีก 6 องค์ จึงเดินทางพร้อมอัญเชิญเอาพระอังคารธาตุเพื่อไปบรรจุไว้ในพระธาตุพนมด้วย ระหว่างทางได้มาถึงพื้นที่แห่งหนึ่ง (ที่ตั้งของพระธาตุขามแก่นในปัจจุบัน) มีพื้นที่พื้นที่ดอน ราบเรียบ มีห้วยสามแยก น้ำไหลผ่านรอบดอน และมีต้นมะขามใหญ่ที่ตายแล้วเหลือแต่แก่นอยู่ต้นหนึ่ง
ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำพอดี ประกอบกับพื้นที่มีความเหมาะสมจึงได้พักแรมที่นี่ และนำเอาพระอังคารธาตุไปวางพักไว้บนแก่นของต้นมะขามที่ตายแล้วดังกล่าว พอรุ่งเช้าทั้งคณะก็เดินทางมุ่งหน้าสู่สถานที่ก่อสร้างพระธาตุพนมต่อไป
พอไปถึงปรากฏว่าพระธาตุพนมได้สร้างเสร็จแล้ว ไม่สามารถนำพระอังคารธาตุบรรจุลงไปได้อีก จึงจำต้องนำเอาพระอังคารธาตุนั้นกลับตามเส้นทางเดิม โดยตั้งใจว่าจะนำกลับไปไว้ที่นครของตนตามเดิม เมื่อมาถึงดอนมะขามซึ่งเคยเป็นที่พักแรม ครั้งก่อน ได้เห็นต้นมะขามใหญ่ที่ล้มตายเหลือแต่แก่นนั้นกลับผลิตดอก ออกผล แตกกิ่งก้านสาขามีใบเขียวชะอุ่มแลดูงามตายิ่งนัก จะเป็นด้วยเทพเจ้าแสร้งนิมิต หรือด้วยอำนาจอภินิหารของพระอังคารธาตุก็มิอาจรู้ได้ เห็นเป็นอัศจรรย์เช่นนั้นจึง พร้อมกันก่อสร้างพระธาตุครอบต้นมะขาม และบรรจุพระอังคารธาตุของพระเจ้าไว้ภายในด้วย โดยมีรูปลักษณะดังที่เราเห็น อยู่ในปัจจุบันนี้ จึง เรียกชื่อพระธาตุนี้ว่า "พระธาตุขามแก่น"
หลังจาการก่อสร้างพระธาตุเสร็จแล้ว พระยาหลังเขียวพร้อมด้วยบริวารได้สร้างบ้านแปลงเมืองอยู่ตรงนี้ และได้สร้างวัดให้เป็นที่พำนักของพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ ซึ่งมีวิหาร และพัทธสีมาเคียงคู่กับองค์พระธาตุสืบมา ครั้นกาลล้วงมาพระอรหันต์ทั้ง 9 องค์ก็ได้ดับขันธ์ปรินิพพาน ชาวเมืองนำเอาอัฐิธาตุของท่านบรรจุไว้ในพระธาตุองค์เล็ก ซึ่งอยู่ด้านทิศตะวันออกของ อุโบสถในเวลานี้ ต่อมาประชาชนจึงเรียกพระธาตุองค์ใหญ่ว่า ครูบาทั้งเก้าเจ้ามหาธาตุ ส่วนพระธาตุองค์เล็กเรียกว่า ครูบาทั้งแปด