“วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ.2478 วัดนี้ยังเป็นที่สรงน้ำมูรธาภิเษก”
วัดพระศรีรัตนมหาธาตุเชลียง เป็นโบราณสถานที่อยู่ในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย เป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร เป็นวัดที่มีความสำคัญมาแต่โบราณกาล สร้างขึ้นเมื่อประมาณพุทธศตวรรษที่ 17-18 โดยวัดนี้เป็นวัดสำคัญในเขตเมืองเชลียงมาแต่เดิม ปรากฏหลักฐานในศิลาจารึกหลักที่ 1 และในสมัยกรุงธนบุรี เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชเสด็จไปปราบชุมชนพระฝางเมืองสวางคบุรี แล้วได้เสด็จสมโภชพระบรมธาตุเมืองเชลียงนี้ด้วย และวัดนี้ยังเป็นที่สรงน้ำมูรธาภิเษก สำหรับพระเจ้าแผ่นดินใหม่ที่จะขึ้นเสวยราชสมบัติมาแต่ครั้งโบราณกาล วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ได้ขึ้นทะเบียนโบราณสถานแห่งชาติ เมื่อปี พ.ศ.2478 ได้โอนมาขึ้นในปกครองคณะสงฆ์ เมื่อปี พ.ศ. 2479 ได้รับสถาปนาเป็นพระอารามหลวง เมื่อปี พ.ศ.2501
การเดินทาง : จากตัวเมืองสุโขทัยไปทางทิศเหนือตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 101 ประมาณ 55 กิโลเมตร ปัจจุบันนักท่องเที่ยวและผู้สนใจเข้าชมสามารถนั่งรถ บขส. มาลงได้โดยถ้ามาจากสถานีขนส่ง ที่อ.เมือง สุโขทัย ให้แจ้งว่ามาลงที่ "พระปรางค์" ซึ่งเป็นชื่อที่ชาวบ้านใช้เรียกขานวัดนี้ เมื่อลงจากรถ บขส. จะเป็นซุ้มประตูทางเข้าวัดโดยผ่านชุมชน
นักท่องเที่ยวสามารถขี่จักรยานชมรอบๆอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย โดยเช่าจักรยานได้ ณ ร้านค้าที่จุดลงจากรถ บขส.นี้และฝากกระเป๋าสัมภาระไว้ที่ร้านค้าได้ เมื่อผ่านซุ้มประตูเข้ามาจะผ่านชุมชนประมาณ 100 เมตร จะพบสะพานแขวนไม้ข้ามแม่น้ำยม เพื่อไปยังวัดพระปรางค์ซึ่งอยู่ฝั่งตรงข้าม นักท่องเที่ยวชาวไทยเสียค่าธรรมเนียมบำรุงอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยเฉพาะจุดนี้ก่อน 10 บาท และจะได้แผนที่นำชมอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยด้วย
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ : อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย 055-679211
ททท.สำนักงานสุโขทัย(สุโขทัย,กำแพงเพชร) 055-616228-9
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 6 รายการ)รีวิวเมื่อ 19 ส.ค. 53
พระอุโบสถ อยู่ถัดออกมาทางด้านหน้าพระปรางค์ประธานนอกกำแพงแก้ว ได้รับการบูรณะซ่อมแซมขึ้นมาใหม่ เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๐๐ เป็นโบสถ์ขนาดห้าห้อง มีมุขยื่นอีกหนึ่งห้อง หลังคาลดสามชั้นซ้อนสองตับ ภายในพระอุโบสถมีพระพุทธรูปเป็นจำนวนมาก องค์พระประธานคือ หลวงพ่อพุทธเรืองฤทธิ์ซึ่งเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ ปางมารวิชัย ศิลปะสมัยสุโขทัย ขนาดหน้าตักกว้าง ๔.๐๘ เมตร ประดิษฐานเป็นพระพุทธปฏิมาประธานในพระวิหาร ซึ่งเป็นพระวิหารใหญ่ขนาด ๗ ห้อง สร้างด้วยศิลาแลง หน้าต่างเจาะเป็นช่องเล็กๆ เบื้องหน้าพระประธานมีพระพุทธรูปยืนปูนปั้นศิลปะสุโขทัย พุทธลักษณะงดงามมาก
กุฏิพระร่วงพระลือ หรือที่เรียกกันว่าศาลพระร่วง-พระลือ ลักษณะเป็นพระมณฑปฐานสี่เหลี่ยมจตุรัส กว้าง ๗.๒๐ เมตร หลังคาคล้ายรูปชามคว่ำสี่ชั้น ภายในประดิษฐานรูปพระร่วง พระลือ (จำลอง)
รีวิวเมื่อ 19 ส.ค. 53
รีวิวเมื่อ 19 ส.ค. 53
อยู่ทางด้านหลังพระธาตุมุเตา สันนิษฐานว่า เป็นมณฑปพระสี่อิริยาบถ เป็นพระพุทธรูปประทับยืนทางทิศเหนือ ด้านทิศตะวันออกเหลือส่วนพระชงฆ์ของพระพุทธรูป ด้านหลัง (ทิศใต้) และทางด้านขวาหักพังเสียหายมาก จากการสำรวจโดยรอบพระมณฑป พบเศษกระเบื้องมุงหลังคาดินเผา ตกกระจายอยู่ค่อนข้างหนาแน่น สันนิษฐานว่า หลังคาพระมณฑปน่าจะเป็นเครื่องไม้มุงด้วยกระเบื้องดินเผา
รีวิวเมื่อ 19 ส.ค. 53
กำแพงวัด เป็นศิลาแลงแท่งกลมขนาดใหญ่ปักเรียงชิดติดกันเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง ๖๐ เมตร ยาว ๙๐ เมตร มีคานทับหลังกำแพง เป็นรูปหลังเจดีย์ตัด มีทางเข้าออกที่ด้านหน้าและด้านหลังเหนือซุ้มประตูทำเป็นรูปคล้ายหลังคายอดแหลมเหมือนช่อฟ้า เหนือซุ้มขึ้นไปเป็นรูปปั้นรูปพรหมพักตร์ และรูปนางอัปสรฟ้อนรำอยู่ต่ำลงมา
พระธาตุมุเตา อยู่ด้านหลังพระปรางค์ประธาน นอกกำแพงแก้ว ก่อด้วยศิลาแลงฐานรูปแปดเหลี่ยม ขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๒ เมตร ซ้อนกันสี่ชั้น ต่อจากนั้นเป็นชั้นบัวสามชั้น ส่วนที่อยู่เหนือขึ้นไปหักพังหมด บริเวณบัวถลาทำเป็นซุ้มหลอกเจ็ดส่วน ซุ้มทางด้านหน้ามีทางเข้าไปภายในแต่หักพังปิดทับหมด มีบันไดขึ้นไปสู่ซุ้ม
รีวิวเมื่อ 19 ส.ค. 53
พระวิหาร ก่อด้วยศิลาแลง ฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง ๑๙.๒๐ เมตร ยาว ๒๕.๒๐ เมตร ฐานสูง ๑.๒๐ เมตร เป็นวิหารขนาดหกห้อง มีมุขยื่นออกมาทางด้านหน้า ผนังวิหารเป็นแบบผนังทึบเจาะช่องแสง พระประธานเป็นพระพุทธรูปขนาดใหญ่ปางมารวิชัย ขนาบด้วยพระพุทธรูปยืนขนาดเล็กทั้งขวาและซ้าย ปัจจุบันเหลือเฉพาะฐานพระวิหารและเสาบางส่วน
พระวิหารขนาดเล็ก ก่อด้วยศิลาแลงอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระวิหารประธานฐานรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า กว้าง ๕ เมตร ยาว ๑๐ เมตร ด้านหลังตอนบนทำเป็นซุ้มพระ ทรงโค้งแหลมภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางนาคปรก
ฐานพระวิหารขนาดเล็ก ก่อด้วยศิลาแลงอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้เป็นฐานขนาดห้าห้อง กว้าง ๗ เมตร ยาว ๑๐ เมตร ด้านหลังทำเป็นซุ้มพระ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปนั่งซึ่งชำรุดหักพังเป็นส่วนใหญ่
รีวิวเมื่อ 19 ส.ค. 53