“สุสานเจ้าเมืองระนองคนแรก ปูด้วยศิลา 3 ชั้น สองข้างมีตุ๊กตาแกรนิตโบราณนำมาจากประเทศจีน”
สุสานเจ้าเมืองระนอง ตั้งอยู่ด้านขวามือของทางหลวงหมายเลข 4004 (ระนอง-ปากน้ำ) ห่างจากเขตเทศบาลเมืองประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นสุสานแบบจีนฝังศพของพระยารัตนเศรษฐี(คอชู้เจียง) เจ้าเมืองระนองคนแรก บริเวณสุสานซึ่งเป็นที่ดินที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 บริเวณสุสานปูด้วยศิลา 3 ชั้น สองข้างมีตุ๊กตาแกรนิตโบราณนำมาจากประเทศจีน ประกอบด้วยรูปขุนนางจีนฝ่ายบู๊ฝ่ายบุ๋นรูปม้า รูปแพะ รูปสิงห์โต
เวลาเปิด - ปิด: เปิดตลอดทุกวัน 24 ชม. เที่ยวได้ตลอดทั้งปี
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 4 รายการ)รีวิวเมื่อ 15 มิ.ย. 55
รีวิวเมื่อ 15 มิ.ย. 55
ในปลายรัชกาลที่ ๔ หลวงระนองเจ้าเมืองคนเดิมถึงแก่กรรมลง พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระราชดำริว่า หลวงรัตนเศรษฐีทำอากรดีบุกมาช้านานหลายปี ส่งเงินภาษีอากรมิได้ขาดค้าง เป็นผู้ใหญ่ใจอารีอารอบเป็นที่รักใคร่นับถือ พอจะเป็น เจ้าเมืองระงับกิจทุกข์ของไพร่บ้านพลเมืองต่อไปได้ จึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ พระราชทานสัญญาบัตรเลื่อนเป็น พระรัตนเศรษฐี ผู้สำเร็จราชการเมืองระนอง
ปีพุทธศักราช ๒๔๐๕ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้ยกเมืองตระและเมืองระนองขึ้นเป็นหัวเมืองจัตวา ขึ้นตรงต่อกรุงเทพพระมหานคร เพื่อให้สะดวกในการรักษาพระราชอาณาเขต เพราะขณะนั้น อังกฤษได้เข้ามารุกรานพม่า ซึ่งมีชายแดน ติดต่อถึงเมืองระนอง โปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนบรรดาศักดิ์เป็น พระยารัตนเศรษฐี ผู้สำเร็จราชการเมืองระนอง
เมืองระนองเจริญรุ่งเรืองมาก มีผู้คนอพยพจากเมืองใกล้เคียง เช่น เมืองไทรบุรี เมืองปีนัง มาตั้งหลักแหล่งทำมาค้าขายและขุด ร่อนแร่ดีบุก พระยารัตนเศรษฐีได้ตั้งห้างโกหงวนที่เกาะหมากเพื่อซื้อขายสินค้าของเมืองระนอง ขยายการทำเหมืองแร่ข้ามเขาบรรทัด ไปถึงเมืองหลังสวน ทำให้เมืองหลังสวนเจริญขึ้น และได้รับการยกฐานะเป็นเมืองจัตวาเช่นเดียวกัน
ปีพุทธศักราช ๒๔๑๙ อันเป็นสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ ระนองเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยผลประโยชน์ นายทุนและกรรมกร กรรมกรจีนซึ่งมีอยู่มากมายเกิดกำเริบต่อสู้เจ้าเมือง รัชกาลที่ ๕ ได้ทรงส่งทหารคุม ปืนใหญ่เล็ก และโปรดฯ ให้ส่งกำลังจากกองทัพหัวเมืองเข้ามาปราบ เมื่อบ้านเมือง สงบแล้ว ได้เลื่อนตำแหน่งพระยารัตนเศรษฐี เป็น พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี จางวางผู้กำกับราชการเมืองระนอง และทรงแต่งตั้งคอซิมก๊อง บุตรชายคนโตของ ท่านขึ้นเป็น “พระยารัตนเศรษฐี” ผู้ว่าราชการเมืองระนองแทน
พระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี (คอซู้เจียง) ได้ถึงแก่อสัญกรรมเมื่อปีพุทธ ศักราช ๒๔๒๕ อายุได้ ๘๖ ปี ด้วยวัณโรคที่ไขสันหลัง ได้รับพระราชทานที่ดินที่ เขาระฆังทอง เมืองระนอง เป็นที่ฝังศพ พระราชทานป้ายศิลาปักหน้าฮวงซุ้ย จารึกประวัติของท่านทั้งภาษาไทยและภาษาจีน.
รีวิวเมื่อ 15 มิ.ย. 55
ปีพุทธศักราช ๒๓๘๙ ในปลายสมัยรัชกาลที่ ๓ คอซู้เจียง ได้เข้ากรุงเทพพระมหานคร พบกับ พระยาอัครมหาเสนาบดี (ดิศ บุนนาค) สมุหพระกลาโหม ผู้รับผิดชอบหัวเมืองภาค ใต้ เพื่อขอประมูลผูกขาดอากรดีบุกเมืองระนอง และเมืองตระ ได้รับพระราชทานพระบรมราชานุญาต จากพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้ง ให้เป็น หลวงรัตนเศรษฐี ตำแหน่งขุนนางนายอากรเมืองระนอง แล้วได้ย้ายครอบครัวจาก เมืองพังงามาอยู่เมืองระนอง แต่บ้านที่พังงาก็ยังรักษาไว้เพื่อความไม่ประมาท ได้เกลี้ยกล่อมชักชวน ราษฎรชาวไทยจีนและหัวเมืองใกล้เคียงให้มาทำมาหากินใน ๑๐ ตำบลที่ รับทำอากรดีบุก ได้ถวายอากรดีบุกจำนวน ๑๔,๐๐๐ ชั่ง ต่อปี (หนึ่งล้านบาทเศษในขณะนั้น)
รีวิวเมื่อ 15 มิ.ย. 55