“ถ้ำพระยานคร ชมพระที่นั่งคูหา คฤหาสน์ สร้างในรัชสมัย ร.5 และชมวิวเกาะสัตกูต ”
ถ้ำพระยานคร
ถ้ำพระยานครซึ่งครั้งหนึ่งรัชกาลที่ 5 เคยเสด็จประพาสและสร้างพลับพลานามว่า "พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์" ไว้กลางถ้ำเมื่อปี 2433 ว่ากันว่ายามเมื่อแสงส่องกระทบพลับพลาทำให้ถ้ำแห่งนี้สวยงามยิ่งกว่าถ้ำใดในจังหวัดประจวบคีรีขันธ์
ทางเข้าถ้ำอยู่ตรงหาดแหลมศาลา ต้องเดินเท้า 480 เมตร เป็นทางชัน ดินผสมหิน เดินค่อนข้างลำบากในฤดูฝน
ภายในถ้ำ มีหินงอก หินย้อย มีโพรงถ้ำขนาดใหญ่อยู่กลางถ้ำ มีแสงส่องผ่านเข้ามาได้
สิ่งที่น่าสนใจภายในถ้ำ
- น้ำตกแห้ง เป็นหินงอก หินย้อยสีเขียว ดูเหมือนน้ำตก อยู่ทางซ้ายมือเมื่่อเดินเข้าถ้ำ
- สะพานมรณะ เป็นแท่นหินขนาดใหญ่เชื่อหน้าผาจากฟากหนึ่งไปอีกฟากหนึ่ง เนื่องจากมีสัตว์ใหญ่(เช่น ลิง เสือ) เดินผ่านแล้วตกมาตาบ่อย
- ทางสันจระเข้ เป็นทางเดินเข้าสุ่ห้องโถงด้านใน พื้นทางเดินเป็นตะปุ่มตะป่ำคล้ายหลังจระเข้
- หินรูปเจดีย์ ใกล้ๆทางสันจระเข้ เป็นหินงอกหินย้อยรูปเหมือนเจดีย์ มีพระพุทธตั้งอยุ่ด้านหน้า
- พระที่นั่งคูหาคฤหาสน์ คือ ไฮไลท์ของถ้ำพระยานคร ประดิษฐานอยู่กลางห้องโถงด้านในของถ้ำ เพดานถ้ำเป็นโพรงมีแสงส่องเข้าได้ รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้น พ.ศ.2433 เพื่อเป็นที่ประทับในคราวเสด็จประพาสต้น เป็นพลับพลาจัตุรมุข เปิดโล่ง ทำด้วยไม้สัก ประดับช่อฟ้าใบระกา มีพระบรมรูปรัชกาลที่ 5 ประดิษฐานอยู่ในพระที่นั่ง พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าขจรจรัสวงศ์ ทรงออกแบบพระที่นั่งนี้ โดยสร้างที่กรุงเทพฯ ก่อน แล้วพระยาชลยุทธโยธินจึงนำมาประกอบภายในถ้ำอีกที
- ควรเตรียมน้ำดื่ม หรือไฟฉาย(ถ้ามีก็ดี)
- สามารถติดต่อคนนำทาง ก่อนเข้าถ้ำ (ได้ก็ดี) ค่าใช้จ่ายแล้วแต่จะให้ เพราะบางจุดทางแยกอาจสับสนเส้นทางได้
- มีเส้นทางเชื่อมต่อไปถ้ำไทร ระยะทางกว่า 3 กม. จุดเชื่อมอยู่บนเขา(ไม่ใช่ทางราบ) อาจหลงได้ (ผมไม่แนะนำให้ใช้เส้นทางนี้)
รีวิวทั้งหมด
(รีวิว 45 รายการ)รีวิวเมื่อ 30 ม.ค. 57
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
จัดให้.....
หลวงพ่อเงิน เป็นบุตรคนที่ 4 ในจำนวนพี่น้อง 6 คน บิดาขื่อ อู๋ มารดาชื่อ นางฟัก สมัยเป็นเด็กหลวงพ่อเงินติดตามลุงชื่อ นายช่วง มาอยู่กรุงเทพ และบวชเป็นสามเณรที่วัดตองปู (วัดชนะสงคราม) เมื่อราวอายุ 12 ขวบ หลังจากบวชเณรอยู่ประมาณ 8 ปี ได้ลาสึกจากสามเณร กลับมาอยู่ที่บ้านบางคลาน
ช่วงชีวิตที่บวชเรียนนี่เองเชื่อว่าท่านได้ซึมซับพระธรรมคำสอนไว้อย่างลึก ซึ่ง เพราะปรากฎว่าท่านไม่ปรารถนาเพศฆราวาส ท่านเกือบจะแต่งงานกับสาวชาวบ้านคนหนึ่งชื่อ “เงิน” เหมือนกัน แต่ท่านทำบางอย่างที่ไม่คาดคิดนั่นคือ ได้ขออนุญาติจับอกพี่สะใภ้ เพื่อเปรียบเทียบกับน่องของตัวเอง จนเกิดปลงต่อสังขารโดยท่านอุทานออกมาว่า “นมกับน่องก็คือกันไม่เห็นจะต่างกันตรงไหนเลย” แล้วท่านก็ตัดสินใจอุปสมบทเป็นพระภิกษุฝากชีวิตไว้กับพระพุทธศาสนาตลอดชีวิต เป็นการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวมั่นคง เล่ากันว่าระหว่างนั้นหญิงสาวคู่รักท่านได้ปักตาลปัตร 1 เล่มมาถวายด้วยแต่ก็มิได้ทำให้ท่านเปลี่ยนใจ
พระภิษุเงิน พุทธโชติ ได้เดินทางไปศึกษาวิชาความรู้ด้านวิปปัสสนากรรมฐานแล้วอักขระสมัยที่วัดตอง ปู (วัดชนะสงคราม) อีกครั้ง ได้อยู่ที่วัดตองปู 3 พรรษา ก่อนจะกลับมาที่บางคลานเมื่อทราบว่าปู่ของท่านป่วยหนัก เมื่อกลับมาอยู่ที่บ้านเกิดท่านได้จำพรรษาที่ (วัดคงคาราม) หรือวัดบางคลานใต้ ที่วัดบางคลานใต้นี้จะเกิดอะไรมิทราบได้มีสมภาพชื่อ “หลวงพ่อโห้” หรือ “พระอาจารย์โห้” ท่านเป็นพระนักเทศน์ ซ้อมเทศน์ชาดกเสียงดัง พลวงพ่อเงินท่านเป็นพระวิปัสสนากรรมฐาน จึงติดสินใจไปอยู่ที่วัดวังตะโกซึ่งอยู่ตรงข้ามฟากแม่น้ำเลยขึ้นไปทางเหนือ หลวงพ่อเงินท่านคงอึดอัดใจมาก เล่าว่าท่านบ่นให้คนใกล้ชิดฟังว่า “ชาติเสือไม่ขอเนื้อใครกิน” แล้วก็หักกิ่งโพธิ์กิ่งหนึ่งติดตัวไปด้วยไปถึงบริเวณวัดวังตะโกแล้วก็อธิฐาน เสี่ยงบารมีปักกิ่งโพธิ์ลงไป ปกติตันโพธิ์จะไม่ขึ้นจากกิ่งแต่ประกฎว่ากิ่งที่ท่านอธิษฐานเจริญเติบโตงอก งาม อยู่คู่กับวัดวังตะโกหรือวัดบางคลานยาวกว่าหนึ่งร้อยปีเลยทีเดียว
เนื่องจากท่านเป็นพระที่เคร่งทางวิปัสสนา จึงมีคนเคารพนับถือมาก และชาวบ้านก็มาขอเครื่องรางของขลังจากท่านมิได้ขาด บางคนก็มาเพื่อให้รักษาโรคภัยไขเจ็บซึ่งท่านก็ช่วยอนุเคราะห์ให้ ต่อมาท่านได้รับการแต่งตั้งเป็นพระอุปัชฌาย์และได้รับสมณศักดิ์เป็นเจ้าคุณ ฝ่ายวิปัสสนาในที่สุด
ท่านมีความเมตตาอารีต่อคนทั่วไป ใครมาหาก็ได้ต้อนรับเสมอ ชาวบ้านเอาสัตว์มาถวายท่าน
ท่านก็รับไว้จนบริเวณวัดกลายเป็นสวนสัตว์ย่อม ๆ เท่าที่สืบทราบมา ท่านรักช้างของท่านมาก และเคยใช้เป็นพาหนะในการเดินทางไปบวชลูกหลานให้ชาวบ้านอยู่เสมอ
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
คือ ที่เก็บอัฐิหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน จ.พิจิตร
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
บ่อน้ำนี้ ขุดในสมัย ร.1 โดยเจ้าเมืองนครศรีธรรมราช (ตำแหน่งเป็น เจ้าพระยา) ในครั้งที่เดินทางเข้ามากรุงเทพมหานคร โดยทางเรือซึ่งครั้งหนึ่งได้นำเรือเข้ามาหลบพายุในบริเวณหาดแหลมศาลา เป็นเวลาหลายวันจึ่งได้ขุดบ่อน้ำนี้เอาไว้ใช้ ชาวบ้านจึงเรืยกว่า "บ่อพระยานคร"
รีวิวเมื่อ 20 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
http://www.thai-tour.com/wb/view_topic.php?id_topic=539
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
อาหารหลักได้แก่ ใบไม้, ผลไม้และเมล็ดพืช โดยมี แมลง เป็นอาหารเสริม
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
เป็นทางชันบางช่วง 30 องศา
ควรเตรียมน้ำดื่มให้พร้อม ไฟฉายถ้ามี (แต่อาจไม่ต้องใช้) เพราะบนเพดานถ้ำเป็นปล่องโล่งรับแสงแดด ทำให้ถ้ำไม่มืดนัก
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
เกาะที่เห็น คือ เกาะสัตกูด
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55
รีวิวเมื่อ 19 พ.ค. 55