“โคมปล่อง ประดับตามมุมเจดีย์หลายองค์ในเมืองเชียงแสนขณะนั้นซุ้มประตูโขง มีลักษณะเป็นซุ้มยอมดอกบัวตูม ปัจจุบันยังคงเหลืออยู่ทางทิศเหนือ”
ในสมัยพระเจ้าวิชุนราช ในบรรดาวัดทั้งหมดในเมืองหลวงพระบางเป็นต้องยกนิ้วให้วัดวิชุนในเรื่องมีความแปลกที่พระธาตุรูปร่างโค้งมนเหมือนผลแตงโม และเจดีย์รูปทรงแปลกตานี้เอง
ประวัติย่อ
ก่อตั้งขึ้นเมื่อ จ.ศ.๘๗๔ หรือ ค.ศ.๑๕๑๒ (พ.ศ.๒๐๕๕) โดยพระเจ้าวิชุนราช ซึ่งเป็นกษัตริย์แผ่นดินล้านช้างเมื่อ จ.ศ.๘๖๓ เพื่อเป็นที่ประดิษฐานของ พระบาง ซึ่งอาราธนามาจากเมืองเวียงคำ
สิม (พระอุโบสถ) หลังเก่านั้นสร้างด้วยไม้ทั้งหลัง รูปแบบสถาปัตยกรรมเป็นแบบลาวเดิม สมัยอาณาจักรลาวล้านช้างยุคต้นคริสต์ศตวรรษ ที่ ๑๔ มีขนาดยาว ๓๖ เมตร กว้าง ๑๘ เมตร
ด้านตรงข้ามของสิมเป็น "พระธาตุหมากโม" ทรงโอคว่ำคล้ายแตงโมผ่าครึ่ง (หมากโม คือ แตงโม) ซึ่งพระนางพันตินะเชียงเบด พระอัครมเหสีของพระเจ้าวิชุนราช โปรดฯ ให้สร้างขึ้นหลังจากสร้างวัดแล้ว ๑๑ ปี ถือเป็นพระธาตุสำคัญองค์หนึ่งเช่นเดียวกับพระธาตุหลวงในเวียงจัน พระธาตุพนมในประเทศไทย พระธาตุชเวดากองในย่างกุ้ง ฯลฯ
ค.ศ.๑๘๘๘ ได้ถูกโจรฮ่อเข้ามารื้อทำลายเพื่อนำเอาของมีค่าที่ประดับอยู่บนยอดช่อฟ้าของสิม และยอดพระธาตุหมากโม ซึ่งเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ในบริเวณวัด
หลังจากนั้น พระเจ้าสักรินทร์ ซึ่งเป็นพระราชบิดาของเจ้ามหาชีวิตศรีสว่างวงศ์โปรดฯ ให้บูรณปฏิสังขรณ์ขึ้นใหม่ตามแบบเดิมในปี ค.ศ.๑๘๙๔
เมื่อแล้วเสร็จนักปราชญ์ลาวและฝรั่งเศสได้ตกลงกันให้รวบรวมเอาโบราณวัตถุและศิลาจารึกตามบริเวณวัดร้าง วัดเก่าแก่ทั้งหลายที่ไม่ได้รับการเก็บรักษาที่ดีมาเก็บไว้ที่สิมวัดวิชุน
วัดวิชุนราช จึงเป็นสถานที่ที่ควรไปเยือนหากได้ไปเมืองหลวงพระบาง นอกจากเป็นวัดเก่าแก่แล้ว ยังมีวัตถุโบราณ เช่น จารึกโบราณ, พระพุทธรูป ฯลฯ ที่เก็บรวบรวมมาจากวัดอื่นที่เก่าแก่ ขาดการดูแล มารวมไว้ที่นี่ ภายในพระอุโบสถจึงเต็มไปด้วยพระพุทธรูปเก่าแก่มากมาย
ค่าเข้าชม: 20,000 กีบ (ประมาณ 40 บาท)
เปิดเวลา: 07.00 –17.30 น.